วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556

มิกกี้เมาส์




มิกกี้เมาส์


ประวัติมิกกี้เมาส์ 

เรื่องราวของมิคกี้ เม้าส์เริ่มขึ้นในปี 1928 โดย 
"วอลเตอร์ อีลิส ดิสนีย์" ( วอลล์ ดิสนีย์)ภายหลังจากที่มีการตั้งบริษัท วอลล์ ดิสนีย์ ร่วมกันกับ'รอย' 
นักผลิตการ์ตูนซึ่งเป็นน้องชายของเขา ครั้งแรกที่พวกเขาสร้างตัวการ์ตูนตัวนี้ขึ้นมานั้น พวกเขาเรียกมันว่า 
"มอร์ติเมอร์ เมาส์" แต่ในเวลาต่อมาหลังจากที่ภรรยาของเขาแนะนำว่า ควรจะเปลี่ยนชื่อตัวการ์ตูนนี้ใหม่ 
เขาจึงเปลี่ยนชื่อตัวการ์ตูนเป็น "มิคกี้ เมาส์" (ในอิตาลีจะเรียกว่า "โทโพลิโน่") มิคกี้เป็นหนูซึ่งมีหูกลมใหญ่ 
สีดำและมีแขนขาที่เล็กมากโดยมิคกี้จะใส่กางเกงขาสั้นสีแดงซึ่งมีกระดุมสีเหลือง 2 เม็ดติดอยู่บนกางเกง  
รองเท้าและถุงมือก็จะเป็นสีเหลืองด้วย มิคกี้ เมาส์ได้รับการเปิดตัวครั้งแรกที่โรงภาพยนตร์ในนิวยอร์ค และ 
การ์ตูนเรื่องนี้มีจุดเด่นที่เพลงประกอบที่ไพเราะ ภาพและฉากสวยงาม หลังจากนั้นดิสนีย์ก็ได้ผลิตการ์ตูนขึ้น 
อีกเรื่องคือเรื่องลูกหมูสามตัว โดยซิลลี่ ซิมโฟนี่ การ์ตูนเรื่องนี้ได้รับรางวัลออสก้าร์ในปี 1933 ถึง 31 รางวัล 
              
  มิคกี้ เมาส์เปิดตัวในโลกของการ์ตูนครั้งแรกในปี 1930 เป็นตัวการ์ตูนซึ่งมี 
บุคลิกที่มีความอดทน อดกลั้น มีความฉลาดหลักแหลม มองโลกในแง่ดี และกล้าหาญ ที่สำคัญมิคกี้มีสัญชาตญาณ 
พิเศษในเรื่องของการสืบสวนสอบสวน และด้วยบุคลิกที่โดดเด่นในแง่นี้เองทำให้ตัวการ์ตูนตัวนี้ชอบที่จะใช้เหตุผล 
เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ โดยไม่ต้องใช้กำลังเข้าสู้ เช่นการชนะศัตรูที่มีร่างกายที่แข็งแรงกว่ามิคกี้มาก  

การผจญภัยของมิคกี้ เมาส์มีมากมายหลายตอน ได้แก่ มิคกี้ เม้าส์กับความลี้ลับของจุดดำ, มิคกี้ เมาส์ 
ราชาแห่งหนู, มิคกี้ เมาส์นักหนังสือพิมพ์, มิคกี้ เมาส์และความลี้ลับของชายในสายหมอก, มิคกี้ เมาส์กับปีศาจกอริลล่า,  
มิคกี้ เมาส์ยุคหิน ฯลฯ สำหรับเรื่องการแต่งตัวที่ดูทันสมัยของมิคกี้ เมาส์ในบางครั้งก็จะสวมใส่กางเกงขายาวสีแดง 
เสื้อถักรัดรูปสีน้ำเงินซึ่งมีแขนเสื้อสั้น ถุงเท้าและถุงมือเป็นสีเหลืองเข้าชุดกัน ในปี 1940 มิคกี้ เมาส์ ได้รับขนานนามจาก 
นักวิจารณ์ ภาพยนตร์ว่าเป็นการ์ตูนที่ได้รับความชื่นชอบมากที่สุดใน ยุคนั้น เพราะเป็นการ์ตูนที่เต็มไปด้วยจินตนาการ 









ตัวการ์ตูนอีกตัวหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นเพื่อนสนิทของมิคกี้ก็คือ กุฟฟี่ ซึ่งเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด 
ซึ่งมักจะติดตามมิคกี้ไปทุกๆที่ ในอเมริกาเรียกกุฟฟี่ว่า กูฟี่ ซึ่งชื่อนี้มีความหมายว่าตัว ตลก และความสนุกสนาน จากชื่อนี้ 
เองสามารถเดาถึงบุคลิกลักษณะนิสัยของกุฟฟี่ได้ ในความเป็นจริงแล้วกุฟฟี่จะมีบุคลิกที่ตรงกันข้ามกับมิคกี้ ซึ่งกุฟฟี่จะคอย 
กวนใจมิคกี้บ่อยครั้ง ตามประวัติแล้วกุฟฟี่จะคอยสร้างความครื้นเครงให้ผู้อื่น โดยการทำฟองสบู่ ในขณะที่มิคกี้รู้สึกท้อแท้ช่วย 
ให้มิคกี้คลายความเศร้าได้ กุฟฟี่ถูกสร้างขึ้นปี 1932 ในการ์ตูนเรื่องมิคกี้ เมาส์ กุฟฟี่จะแต่งกายด้วยชุดสีแดงคล้ายกับชุดนอน  
และสวมเสื้อคลุมไม่มีแขนสีฟ้า กุฟฟี่จะเปลี่ยนเป็น ซุปเปอร์กูฟ หลังจากที่ได้รับประทานถั่วชนิดพิเศษเข้าไป  
ซึ่งถั่วดังกล่าวจะปลูกอยู่ในสวนภายในถ้วยใบหนึ่ง เมื่อทานถั่วเข้าไปแล้วกุฟฟี่จะมีพลังเหมือนกับซุปเปอร์แมน  
มีกำลังมหาศาล สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว 
               
  มินนี่ เม้าส์ ซึ่งเป็นคู่หมั้นของมิคกี้ ถือได้ว่าเป็นตัวแทนของความเป็นผู้หญิง ตัวการ์ตูนนี้เกิด 
ขึ้นมาจากความเป็นผู้หญิง ซึ่งมีอยู่ในทุกสังคมและความคิดของมินนี่ ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามทัศนคติ มินนี่มีบุคลิกที่อ่อน 
หวานอ่อนไหว ชอบการต่อสู้และมีอารมณ์ที่ค่อนข้างหุนหันพลันแล่น มินนี่จะเป็นตัวแทนของเพศหญิง ฟอยด์ ก๊อตเฟรตสัน 
เป็นนักวาดการ์ตูนที่สร้างมินนี่ เม้าส์ขึ้นมา มินนี่เป็นตัวการ์ตูนตัวหนึ่งในการ์ตูนเรื่องมิคกี้ เมาส์ โดยส่วนใหญ่แล้วมินนี่จะ 
ปรากฏตัวในห้องครัว ขณะที่ทำเค้กกับคาร์ราเบลล่า ซึ่งเป็นเพื่อนของมินนี่ การเป็นคู่หมั้นของมิคกี้และมินนี่เป็นตัวแทน 
ของความผูกพัน ซึ่งเชื่อมทั้งสองเข้าไว้ด้วยกันชั่วนิรันดร์  

ถึงแม้ว่ามินนี่ และมิคกี้จะไม่มีลูกด้วยกันแต่ในประวัติของมิคกี้ 
นั้นมักจะมีหนูเด็กๆ 2 ตัวปรากฏอยู่เสมอๆ หนูทั้งสองตัวนั้นชื่อว่า ทิป และแท๊ปซึ่งเป็นหลานของมิคกี้ ทิปและแท๊ปปรากฎตัวเป็น 
ครั้งแรกในปี 1932 ในตอนที่ชื่อว่า"หลานของมิคกี้" ซึ่งผู้ที่สร้างสรรตัวละครนี้ขึ้นมาคือ ฟอยด์ ก๊อตเฟรตสัน ในปี 1934 ในตอน  
"รถบดถนนของมิคกี้" ทิปและแท๊ปจะมีลักษณะทางกายภาพคล้ายคลึงกับมิคกี้ เม้าส์ซึ่งเป็นลุง โดยที่ทิปและแท๊ปจะใส่เสื้อคลุมขน 
สัตว์ที่เป็นชุดยาวมีสายรัดและสวมหมวกของกะลาสี ทิปและแท๊ปเป็นหนูที่ฉลาด ทิปและแท๊ปจะต่อต้านหลานของมินนี่ ซึ่งมีชื่อ 
ว่าเมโลดี้ 

การผจญภัยของทิปและแท๊ป เกิดขึ้นเมื่อพวกเขาพบกับพลูโตซึ่งเป็นสุนัขของมิคกี้ พลูโต เป็นสุนัขที่ 
ซื่อสัตย์ อ่อนไหว มีความอยากรู้อยากเห็นสูง พลูโตปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในการ์ตูนเรื่องมิคกี้ เม้าส์ในปี 1930 ในความ 
เป็นจริงแล้วสุนัขก็ย่อมที่จะมีพฤติกรรมเหมือนสุนัข ในขณะที่กุฟฟี่และมิคกี้รวมถึงตัวการ์ตูนตัวอื่นๆ ถึงแม้ว่าจะเป็น 
สัตว์แต่ก็สามารถพูดได้อย่างมนุษย์ปกติทั่วๆไป 









การ์ตูน โดราเอม่อน





โดราเอม่อน






            โดราเอมอน หรือ โดเรมอน เป็นตัวละครจากการ์ตูนเรื่องโดราเอมอน เป็นหุ่นยนต์แมวจากโลกอนาคต ในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 22เกิดวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2655 (ค.ศ. 2112)
ลักษณะตัวอ้วนกลมสีฟ้า (เมื่อแรกเกิดมามีสีเหลือง) ไม่มีใบหู เนื่องจากถูกหนูแทะ มีหน้าที่เป็นหุ่นยนต์พี่เลี้ยงซึ่งคนที่ซื้อโดราเอมอนมาคือเซวาชิเหลนชายของโนบิตะ
วันหนึ่งเซวาชิเกิดอยากรู้สาเหตุที่ฐานะทางบ้านยากจน จึงได้กลับไปในอดีตด้วยไทม์แมชชีน จึงได้รู้ว่าโนบิตะ (ผู้เป็นปู่ทวด) เป็นตัวต้นเหตุ เซวาชิจึงได้ตัดสินใจให้โดราเอมอนย้อนเวลา
ไปคอยช่วยเหลือดูแลเวลาโนบิตะโดนแกล้งโดยใช้ของวิเศษที่หยิบจากกระเป๋าสี่มิติ
โดราเอมอนถูกผลิตขึ้นในโรงงานสร้างหุ่นยนต์ที่เมืองโตเกียว เมื่อวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 2112 (พ.ศ. 2655) แต่ในระหว่างการผลิตเกิดข้อผิดพลาดขึ้น ทำให้โดราเอมอน
มีคุณสมบัติไม่เหมือนหุ่นยนต์แมวตัวอื่น ต้องเข้ารับการอบรมในห้องเรียนคลาสพิเศษของโรงเรียนหุ่นยนต์ (และได้พบกับเพื่อนๆ แก๊ง ขบวนการโดราเอมอน ที่นั่น)
จนกระทั่งวันหนึ่ง ในงาน "โรบ็อต ออดิชัน" ซึ่งเป็นงานที่จัดให้มีการแสดงความสามารถของหุ่นยนต์ที่ได้ผ่านการอบรมแล้ว ด้วยความซุกซนของเซวาชิในวัยเด็ก
เขาจึงได้กดปุ่มเลือกซื้อโดราเอมอนมาไว้ที่บ้าน ด้วยเหตุนี้ โดราเอมอนจึงได้มาอยู่อาศัยที่บ้านของเซวาชิ ในฐานะของหุ่นยนต์เลี้ยงเด็ก (จากตอนพิเศษ "กำเนิดโดราเอมอน ปี 2112")
แต่ในต้นฉบับดั้งเดิมนั้นจะแตกต่างกัน คือ โดราเอมอนได้ถูกนำไปขายทอดตลาด เพราะเป็นสินค้าไม่ได้คุณภาพ จากนั้นพ่อแม่ของเซวาชิจึงมาซื้อโดราเอมอนไปไว้ที่บ้าน

แต่เดิมนั้นตัวโดราเอมอนมีสีเหลือง และมีหู แต่แล้วในวันที่ 30 สิงหาคม ค.ศ. 2122 ขณะที่โดราเอมอนหลับอยู่นั้น ใบหูก็โดนหนูแทะจนแหว่งไปทั้ง 2 ข้าง
และไม่สามารถซ่อมแซมให้เหมือนเดิมได้ หลังจากรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล หุ่นยนต์แมว "โนราเมียโกะ" แฟนสาวของโดราเอมอนก็มาเยี่ยม แต่พอทราบว่าโดราเอมอนไม่มีหู
เหลือแต่หัวกลม ๆ โนราเมียโกะถึงกับหัวเราะเป็นการใหญ่ ทำให้โดราเอมอนเสียใจเป็นอย่างมาก แต่ก็พยายามทำใจด้วยการดื่มยาเสริมกำลังใจ แต่ว่าโดราเอมอนหยิบผิดกินยาโศกเศร้าแทน
ทำให้โศกเศร้ากว่าเดิม และเริ่มร้องไห้ไม่หยุด จนสีลอกเปลี่ยนเป็นสีฟ้าอย่าที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน หลังจากนั้นโดราเอมอนจึงเกลียด และกลัวหนูเป็นอย่างมาก และไม่ค่อยมีความมั่นใจ
ในตัวเองเกี่ยวกับเรื่องความรัก

นอกจากนั้น โดราเอมอนยังมีน้องสาวชื่อโดรามี ที่จริงก็แค่ใช้เศษเหล็กแบบเดียวกันในการผลิต แต่โดเรมีใช้น้ำมันรุ่นใหม่ ขณะที่ผลิตโดราเอมอนอยู่ได้ทำชิปหล่นหายไป 1 ส่วน
จึงทำให้หยิบของวิเศษผิดพลาดบ่อยๆ














AraleF-C



 อาราเล่ 


การ์ตูน อาราเล่ มีประวัติความเป็นมาอย่างไร
อาราเล่เป็นการ์ตูนโด่งดังแห่งยุค 80 โนริมากิ อาราเล่ เป็นตัวละครในการ์ตูนเรื่องด๊อกเตอร์สลัมป์กับหนูน้อยอาราเล่ คนทั่วไปคิดว่าอาราเล่เป็นเด็กหญิงจอมแก่น ไร้เดียงสา แต่จริงๆ เป็นหุ่นยนต์ที่มีพลังมหาศาล
ดร.เซนเบ้สร้างอาราเล่ หุ่นยนต์แอนดรอยด์ล้ำยุคเป็นทั้งลูกสาวและน้องสาวแล้วแต่ว่าจะพูดด้วยอารมณ์ไหน

การสร้างโดยเริ่มจากส่วนหัวก่อน ทำให้อาราเล่เรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้จากทีวี เพราะจ้องมองทีวีทั้งวันทั้งคืน ซึ่งมีส่วนทำให้สายตาสั้นและต้องสวมแว่นตา นอกจากนี้ยังชอบทำตัวรุนแรงเลียนแบบรายการมวยปล้ำในทีวี (เนื้อหาตรงนี้สะท้อนถึงปัญหาของเด็กในยุคที่พ่อแม่เลี้ยงด้วยทีวีด้วยเช่นกัน)
พ่อและลูกสาวหุ่นยนต์อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเพนกวิน มีนิสัยร่าเริง ชื่ออาราเล่ตั้งมาจากชื่อขนมญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง มีลักษณะคล้ายขนมเซมเบะแต่มีขนาดเล็กกว่า ซึ่งเป็นนัยว่าเป็นลูกของดร.เซนเบ้ ส่วนคำว่า โนริมากิ แปลว่า ‘ห่อด้วยสาหร่าย’
ความสามารถพิเศษของอาราเล่ คือ พลังอันแข็งแกร่งและวิ่งเร็วเหมือนติดเทอร์โบ
หนูน้อยอาราเล่ชอบพูดเป็นประจำเวลาทักทายกับทุกคน ‘ดีจ้า’ และคำอุทานของอาราเล่ สุดฮิต คือ ‘โอ๊ะ โยะ โหยว’ ทั้งยังซุกซนชอบเล่นอุนจิด้วยการใช้ไม้จิ้ม

                                         



ดร.สลัมป์และหนูน้อยอาราเล่แจ้งเกิดเมื่อปี 2524 โดยเป็น ผลงานของ อากิระ โทริยาม่า ช่วงแรกที่ออกอากาศทางทีวี ผู้ให้เสียงพากย์อาราเล่คือ มามิ โคยามะ ส่วนคนต่อมาชื่อ ทาเอโกะ คาวะตะ
ตอนแรกในช่วงที่เป็นซีรีส์ทางทีวี อาราเล่ มีผมสีน้ำเงินม่วง กระทั่งมาเป็นการ์ตูนอานิเมะ ในปี 2540 สีผมเปลี่ยนมาเป็นน้ำตาลเข้ม
นอกจากดร.เซนเบ้ และอาราเล่แล้ว ครอบครัวโนริมากิค่อยๆ ขยายสมาชิกตามเนื้อเรื่องว่า ดร.เซนเบ้และอาราเล่ไปเจอไข่ฟองหนึ่งในช่วงที่ท่องเที่ยวไปในอดีต ไข่ฟองนี้ฟักตัวออกมาเป็นสิ่งมีชีวิตหน้าคนแต่มีปีก ได้ชื่อว่า กั๊ดซิลลา หรือ กั๊ตจัง นอกจากนี้ดร.เซนเบ้ยังแต่งงานกับสาวในฝัน ชื่อ มิโดริ ยามาบูกิ และมีลูกชื่อ เทอร์โบ อีกด้วย
เรื่องราวของดร.สลัมป์ที่เป็นการ์ตูนมังงะ ใช้โครงเรื่องตามที่เห็นในทีวี เน้นไปที่การผจญภัยสนุกสนานและความห้าวแบบไร้เดียงสาของอาราเล่ นอกจากนี้ ยังมีตอนที่เชื่อมโยงกับการ์ตูนดราก้อนบอลด้วย